วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 Garmin เปิดตัวไดฟ์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ Garmin Descent X50i ซึ่งเป็น Large Format Dive Computer มาเพื่อเจาะกลุ่มตลาดนักสำรวจ ที่ต้องการไดฟ์คอมพิวเตอร์ที่มากความสามารถและสามารถใช้งานได้ทุกที่
เรามากาง spec ของ Decent X50i แล้วมันต้องมีของดีอัดแน่นอยู่ข้างในแน่นอน
ขนาด และวัสดุ Large Format Dive Computer นั้นจะมีขนาดที่ใหญ่ หน้าตาอ่านง่ายมาก โดยให้ขนาด 62.4 มม. x 98.3 มม. x 24.5 มม. ซึ่งจะมีรูปทรงที่เพรียวยาวและบาง โดยบอดี้นั้นจะเป็นโพลิเมอร์ หน้าจอ Garmin จะให้เป็นกระจกแซฟไฟร์ ที่ทนการขีดข่วนได้ดีมากมาให้ และหน้าจอใหญ่กว่าเพื่อน โดยให้มากถึง 3 นิ้ว วัสดุของคอมพิวเตอร์ตัวนี้ และ Garmin ยังพัฒนาให้หน้าจอเป็นแบบทัชสกรีนเมื่ออยู่ที่ผิวน้ำ และเป็นระบบปุ่มกดแบบ inductive button และน้ำหนักประมาณ 280 กรัม เมื่ออยู่บนแขนพร้อมใช้งาน
ฟังก์ชั่นการใช้งาน
Depth Rating 20ATM หรือ 200 เมตร
Bühlmann ZHL-16c with gradient factors decompression model
Gas mode: Single-gas, Multi-gas (11 gases), Gauge, Apnea
Nitrox - Trimix support
Surf GF
เชื่อมต่อ Transmitter ได้สูงสุด 8 ตัว
3 Axis Dive Compass
Point to Point Navigation (entry / exit)
DiveView Map เป็นแผนที่จุดดำน้ำมากกว่า 4000 จุดทั่วโลกที่มีลักษณะภูมิทัศน์และความลึกของจุดดำน้ำต่างๆ
Subwave Sonar Networking
เป็นระบบที่สามารถส่งข้อความที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อส่งให้กับทีมดำน้ำของตัวเองในระยะทาง 30 เมตร รวมไปถึงการแจ้งค่าอากาศของเพื่อนร่วมทีมที่ใช้ Transmitter ร่วมกันได้สูงสุดถึง 8 คน (ตามจำนวน Transmitter) โดยจะครอบคลุมพื้นที่ 10 ตารางเมตร
เชื่อมต่อกับ Garmin Dive App บนมือถือได้
หน่วยความจำ 32GB
แบตเตอรี่แบบชาร์จ โดยใช้สายชาร์จของ Garmin
ระยะเวลาการใช้งาน 13 - 20 ชั่วโมง แล้วแต่การปรับความเข้มของแสงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
Tide Data
สามารถดูน้ำขึ้นลงได้ผ่านดาวเทียม (ต้องเชื่อมต่อกับสัญญาณอินเตอร์เน็ต)
LED screen as light source
สามารถใช้หน้าจอในการช่วยเป็นระบบส่องสว่างยามฉุกเฉินได้
ทำไมถึงน่าใช้?
ขีดความสามารถสูงมาก เพราะสามารถรองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการดำน้ำ รองรับการลงดำน้ำได้ลึก 200 เมตร, ทำ Multi Gas Diving ได้, มีเข็มทิศดิจิตัล
หน้าจอขนาดใหญ่ อ่านค่าได้ง่าย และสามารถใช้งานปุ่มต่างๆได้ง่าย
สามารถตั้งคำพูดล่วงหน้า เพื่อสื่อสารกันใต้น้ำได้ง่าย
มีการบันทึก GPS ตามจุดต่างๆ ทำให้เรารับรู้ถึงตำแหน่งของเราได้ชัดเจน และการเชื่อมต่อ tides ทำให้การดำน้ำในจุดที่มีกระแสแรงๆนั้นทำได้ปลอดภัยมากขึ้น
บทสรุป
ถือเป็นก้าวใหญ่ก้าวถัดไปของ Garmin ที่เข้ามาท้าทายตลาด Technical Diver ที่มี Loyalty ต่อแบรนด์สูงมากๆ แต่ก็ถือว่า Garmin ทำได้ดีตั้งแต่ Descent MK1 เป็นต้นมา และได้พิสูจน์ตัวเองในระยะเวลาหนึ่งแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือสำหรับการดำน้ำนันทนาการ หรือการดำน้ำแบบ Technical Diving ที่ไม่ได้ดำน้ำลึกมากๆ
ราคาในไทยยังไม่ได้เปิดตัว หรือกำหนดวันน้ำเข้าอย่างเป็นทางการ แต่เมืองนอกนั้นมีราคาจัดจำหน่ายแล้วอยู่ที่ 1,499 USD ซึ่งเมื่อเทียบกับเจ้าตลาดอย่าง Perdix 2 AI (1,165 USD) หรือ Petrel 3 (1,300 USD) จาก Shearwater นั้นก็ถือได้ว่าเป็นการตั้งราคาที่สูงกว่าพอสมควร ซึ่งคู่ปรับที่สูสีกันนั้น อาจจะเป็น Perdix 2 มากกว่า แต่ Garmin ก็มาด้วยวัสดุที่พรีเมี่ยมกว่าด้วยกระจกแซฟไฟร์ และระบบ Subwave ที่เป็นข้อแตกต่างที่น่าจะมีประโยชน์สำหรับนักดำน้ำเทคนิคัลที่ดำน้ำร่วมกันเป็นทีมและการสื่อสารนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากๆ
ในโลกของการดำน้ำลึกนั้น Depth Rating มีความสำคัญ ซึ่ง Garmin ให้มาอย่างเหลือเฟือที่ 200 เมตร และเปรียบเทียบกับ Perdix 2 AI และ Petrel 3 จะอยู่ที่ 260 เมตร และ 290 เมตร ตามลำดับ แต่สำหรับนักดำน้ำนันทนาการนั้นส่วนนี้จะไม่มีความสำคัญและน่าจะไม่เป็นตัวแปรในการเลือกซื้อเลย สำหรับนักดำน้ำที่วางแผนดำน้ำเกิน 200 เมตรนั้นก็คงมีจำนวนไม่มากที่มีความพร้อมที่จะดำน้ำในระดับความลึกนั้นได้
สิ่งที่ท้าทายสำหรับ Garmin ในช่วงเวลานี้อาจจะเป็นหลังการขายจากผู้นำเข้า และจากบริษัทแม่เอง เนื่องจากไดฟ์คอมพิวเตอร์ระดับนี้มักจะมีการใช้งานที่ยาวนานมาก การมีการสนับสนุนหลังการขายที่ดี หรือการซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา เพราะ Technical Diver ใช้งานค่อนข้างหนัก มีโอกาสที่ไดฟ์คอมพิวเตอร์จะถูกกระแทก ขูดขีด (โดยเฉพาะ sidemount diver) ซึ่งการที่มีอะไหล่พวกกรอบ หรือกระจกเปลี่ยน ทำให้ใช้งานครั้งถัดไปปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งสินค้าจาก Garmin จะมี planned obsolescence ซึ่งอาจจะมีการรับบริการและอะไหล่เพียงแค่ 5 - 7 ปี ซึ่งไม่ควรเกิดกับอุปกรณ์ดำน้ำ หากยังไม่มีร้านที่รับซ่อมแซมอุปกรณ์อย่างเป็นจริงจัง ทำให้การซื้ออุปกรณ์ดำน้ำซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาวเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากขึ้น
Comments