Flex or Rubber hose? ในมุมมองการใช้งานจริง

Diver 2 Diver
สาย Regulator ปัจจุบันผลิตมาจากวัสดุ 2 แบบ คือสายยาง และสายไนล่อนถัก หรือที่เรียกกันว่าสาย Flex ซึ่งก็มีหลายยี่ห้อมากมายให้เลือกใช้กัน ซึ่งทั้งสองแบบก็มีทั้งข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันออกไป ซึ่งเราจะมานำเสนอข้อดีข้อเสีย เพื่อให้นักดำน้ำเข้าใจถึงการใช้งานและเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับการใช้งาน
น้ำหนัก - สาย Flex จะมีน้ำหนักเบากว่าสายยาง ทำให้ประหยัดน้ำหนักได้ดีเมื่อต้องเดินทางไปยังต่างประเทศด้วยเครื่องบินที่มีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนัก และด้วยความน้ำหนักเบา ทำให้น้ำหนักที่นักดำน้ำต้องคาบ regulator ไว้ลดลง ทำให้มีความสบายมากขึ้น
การให้ตัวของสายลม - สาย Flex จะบิดงอ และให้ตัวได้มากกว่าสายยาง ทำให้บางครั้งเวลาเราใช้งาน (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง sidemount) เมื่อเก็บสายที่ค่อนข้างยาว การเก็บสาย Flex จะทำได้ง่าย แต่จะเก็บให้ดูสวยเหมือนการใช้สายยางที่มีความแข็งของสายมากกว่าได้ยากกว่า
ความทนทาน - สายเมื่อเสื่อมสภาพจะมีอาการบวม, แตกลายงา, หรืออากาศรั่วซึมได้ แต่ถ้าถักจะมีความเสื่อมคือท่อไนล่อนด้านในเสื่อมสภาพ ซึ่งถ้าท่อไนล่อนด้านในกรอบแตก ก็จะเป็นเศษผงเข้ามาในระบบ Regulator และอาจทำให้ second stage เกิดอาการ free flow เนื่องจากเศษไนล่อนเข้าไปขัดกับระบบวาล์วได้ ซึ่งความเสียหายนี้จะมองไม่เห็นจากภา ยนอก จึงต้องมีการตรวจสอบสาย flex ก่อนใช้งานด้วยการบิดสายไปมาเพื่อเช็คสภาพท่อไนล่อนด้านใน และเปลี่ยนสายเมื่อพบความเสียหาย
อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนสาย regulator ไม่ว่าจะเป็น low pressure หรือ high pressure ควรทำเมื่อเริ่มสังเกตุเห็นร่องรอยหรือความเสียหายของสาย หรืออาจจะเปลี่ยนสายทุก 5 ปี หรือ 500 ไดฟ์เพื่อป้องกันอุบัติเหตจากความเสื่อมของสายแรงดันลมได้

🌈 สี - สายไนล่อนถักจะมีสีสันหลากหลายเมื่อเปรียบเทียบกับสายยาง จึงทำให้สาย hose กลายเป็นของตกแต่งนักดำน้ำได้อีกทางหนึ่งด้วย
🔪 การทนของมีคม - สายยางจะตัดให้ขาดได้ง่ายมากกว่าสาย flex เนื่องด้วยธรรมชาติของเนื้อยาง กับเส้นพลาสติก/ไนล่อนที่ถักออกมาเป็นสาย การใช้สาย Flex จึงมีข้อได้เปรียบในด้านการทนต่อของมีคมใต้น้ำ
👆 สัมผัสกับร่างกายนักดำน้ำ - สาย flex จะมีพื้นผิวที่หยาบ ทำให้นักดำน้ำที่ใช้ long hose regulator ไม่ว่าจะเป็น long hose backmount, twinset หรือ sidemount diver นั้นจะถูกสาย flex ขัดถูที่หลังคอได้มาก เพราะสายเร็กกูเลเตอร์นั้นจะพาดที่คอและขยับไปมาได้ สำหรับนักดำน้ำที่ใช้ dry suit จะพบว่าสาย flex ที่ขัดถูบริเวณ neck seal จะมีความเสียหายเร็วกว่าการใช้สายยาง เนื่องมาจากการขัดสีของผิวของสา ย flex ซึ่งเมื่อใช้สาย flex ไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง เส้นพลาสติกที่ถักเป็นสายท่อลมไว้นั้นจะเริ่มเสื่อมสภาพและโผล่ออกมาเป็นตอพลาสติกสั้นๆซึ่งจะจิ้มเข้ากับผิวหนังของนักดำน้ำ ก่อให้เกิดความไม่สบาย หรือบาดแผลได้ ซึ่งสายยางที่มีผิวเรียบจะได้เปรียบกว่า
💪 เรื่องของการทนแรงดัน - เป็นไปตามสเป็คของสายมากกว่าจะบอกว่าสายยาง หรือสาย flex จะรับแรงได้ดีกว่ากัน เนื่องจากสายยางทุกเส้นสำหรับการดำน้ำควรจะต้องผ่านมาตรฐาน EN250 สำหรับการดำน้ำจึงไม่มีนัยยะสำคัญในเรื่องของการทนแรงดันที่เกินมาตรฐาน
💅 วิธีการดูแลรักษา - แทบไม่แตกต่างกัน ทั้งคู่ต้องใช้การล้างด้วยน้ำเปล่า และเก็บให้พ้นแสงแดดเท่านั้น
📦 การประกอบติดตั้ง - เป็นไปตามมาตรฐานของขนาดเกลียวของ first stage และ second stage ซึ่งสาย Low pressure และ High Pressure นั้นมีขนาดเกลียวที่แตกต่างกัน จึงทำให้เกิดความผิดพลาดจากการใช้งานได้ยาก
💵 ราคา - สายยางจะราคาถูกกว่าสาย flex ซึ่งทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า จึงมักนิยมเห็นอุปกรณ์เช่าใช้สายยางเป็นหลัก ส่วนสาย flex นั้นมีหลายเกรด หลายยี่ห้อ และยี่ห้อที่นิยมกันมากมักจะเป็น miflex, และ proflex เป็นหลัก
สรุป
ตามความเห็นของเราคือชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้น เพียงแต่หาขนาดที่พอดีกับการใช้งานเพื่อความสวยงามและ streamlining ของอุปกรณ์ของเราก็เพียงพอ เช่นถ้าเราเป็นคนตัวเล็ก ในการดำน้ำแบบ Back Mount การใช้สายยาวแค่ 56 cm ก็ถือว่าเพียงพอ ถ้าตัวใหญ่หน่อยก็อาจจะขยับไปเป็น 61 cm แต่ถ้าใช้สายยาว 75-90cm กับ primary second stage ก็ดูเหมือนว่าสายจะยาวเกินไป เวลาถ่ายรูปก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน